บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เร่งปรับแผนกลยุทธ์รายสินค้าและบริการรับมือการส่งออกชะลอตัว มุ่งเน้นขยายโอกาสสินค้าและบริการไทยสู่ตลาดโลก ชูธงยุทธศาสตร์ Local to Global สั่งการทูตพาณิชย์จับตา Trade War เร่งใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส สินค้าเกษตร/สินค้าอาหาร เป็นสินค้าที่สร้างรายได้และความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจพื้นฐานของไทย กรมจะเร่งผลักดันในตลาดหลักและตลาดใหม่ อาทิ ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในสหรัฐฯ ผ่านสื่อ Social Media นำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานสำคัญของโลก เช่น Sial ที่กำลังจัด 21-25 ต.ค. นี้ ที่ฝรั่งเศส เร่งเจาะตลาด organic โดยนำผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ มkร่วมพัฒนาสินค้ากับ SMEs ไทยก่อนคัดเลือกไปแสดงในงาน Natural Product Expo West ที่สหรัฐฯในเดือนกันยายน ส่วนในประเทศ จะใช้งาน Thaifex ซึ่งเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเร่งขยายตลาด นอกจากนี้จะผลักดันโครงการ SME Proactive ให้ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกิจกรรมทั้งงานแสดงสินค้า รวมถึงกิจกรรมด้าน Start up ทั่วโลก ทั้งนี้ จากการประเมินร่วมกับภาคเอกชน ในปี 2561 ไทยจะมียอดส่งออกอาหารรวม 19,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 8 สินค้าไลฟ์สไตล์ มุ้งเน้นการสร้าง Brand พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง local to global ใช้ผลิตผลจากท้องถิ่นสร้างสินค้ามูลค่าสูง ทั้งนี้ สินค้าไลฟ์สไตล์ คิดเป็น ร้อยละ 5 ของ มูลค่าส่งออก ประมาณ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2561 คาดว่าปีหน้ายังเติบโตได้ดีจาก อานิสสงค์จาก trade war โดยคาดว่าสินค้าไทยจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในสหรัฐฯ ทดแทนสินค้าจีน กิจกรรมที่สำคัญคืองานแสดงสินค้า STYLE ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ ได้รับผลสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยกรมได้นำผู้ประกอบการเข้าร่วมจำนวน 1,073 ราย จำนวน 2,312 คูหา (ในประเทศ 923 ราย ซึ่งมาจากต่างจังหวัก 397 ราย ต่างประเทศ 150 ราย ทั้งจาก จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และ CLMV) ผลการเจรจาธุรกิจ 2,488 ล้านบาท (75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ธุรกิจบริการ เสริมความงาม และการแพทย์ (Wellness) รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องและสมุนไพร มีรายได้จากต่างชาติ ไม่ต่ำกว่า 136,500 ล้านบาท (4,136 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) สินค้าสปามีมูลค่าตลาด ประมาณ 1,300 ล้านบาท (40 ล้านเหรียญสหร้ฐฯ) ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง Wellness ของเอเชีย กรมมีแนวทางส่งเสริมในรูปแบบบูรณาการ เช่น ส่งเสริมธุรกิจสปาพร้อมสมุนไพร ครีมนวด เครื่องประดับตกแต่งสปา ส่งเสริมธุรกิจมวยไทย พร้อมน้ำมันมวย สมุนไพร อาหารเสริม อุปกรณ์เครื่องใช้ กรมทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตร ในด้านการตลาด ปีหน้าจะมุ่งเน้นตลาดที่มีโอกาส ได้แก่ จีน CLMV ตะวันออกกลาง แอฟริกา นอกจากนี้ อธิบดีบรรจงจิตต์ ยังได้สั่งการทูตพาณิชย์ทั่วโลกจับตาผลกระทบ/โอกาสจากสงครามการค้าโดยเฉพาะในจีน และสหรัฐฯ โดยให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เร่งพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ติดตามผลกระทบเป็นรายสินค้า/รายบริษัท นอกจากนี้กรมจะร่วมหารือกับภาคเอกชนเพื่อประเมินสถานการณ์ส่งออกไตรมาสสี่ และปี 2562 เพื่อจะได้หามาตรการรองรับเป็นรายกลุ่มสินค้าหากได้รับผลกระทบต่อไป อ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ www.ditp.go.th ********************************** กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ( ตุลาคม 2561 )
วันที่: 23/11/2018